เมืองกาญหน้าฝน น้ำตกเอราวัณ สะพานข้ามแม่น้ำแคว
ผมเคยดูรูปน้ำตกเอราวัณจากในหนังสือท่องเที่ยว แล้วรู้สึกว่ามันเป็นน้ำตกที่สวยมาก มีน้ำสีฟ้า มีน้ำตกเป็นแอ่ง ท่ามกลางป่าไม้เขียว ดูสดชื่นดีครับ พอดีเดือนนี้่มีวันหยุดวันอาสาฬหบูชา เลยถือโอกาสพาตัวเองไปพักผ่อนและชมธรรมชาติที่จังหวัด กาญจนบุรี
เริ่มต้นจากจองโรงแรม ในช่วงเทศกาลวันหยุดต่อเนื่องจองที่พักไว้ล่วงหน้าจะดีกว่าครับ ไม่ต้องมาแย่งกันจองช่วงใกล้ๆ วันหยุด ที่พักในทริปนี้อยู่ใกล้ตัวเมืองกาญจนบุรี ชื่อ มนต์เสน่ห์ริเวอร์แคว ร่มรื่น บรรยากาศดีครับ มีหาดทรายเหมือนทะเลด้วย ถ้าสนใจก็ลองอ่าน…ริวิวมนต์เสน่ห์ริเวอร์แคว กาญจนบุรี
Link. เช็คราคา, จองที่พักกาญจนบุรี ยืนยันห้องว่างทันที
สำหรับการเดินทางจากกรุงเทพฯนั้น เราให้ GPS จีนนำทางไป โดยไปทางจรัญสนิทวงศ์-นครชัยศรี-กาญจนบุรี เส้นนี้มีสิบล้อเยอะครับ ขับซิ่งด้วย ก็ระวังกันหน่อยนะครับถ้าใช้เส้นทางนี้ ใครที่ไปไหนแล้วหลงทางแนะนำให้ซื้อ GPS จีนถูกๆ 2-3 พัน ไปลองเล่นดูครับ
โปรแกรมเที่ยวที่เราวางแผนไว้วันแรกจะไปที่น้ำตกเอราวัณ และไปชมวิวที่สันเขื่อนศรีนครินทร์ แล้วก็กลับที่พัก ส่วนวันที่สองไปเรียนรู้ประวัติศาสตร์ที่สุสานสงครามกาญจนบุรีและสะพานรถไฟข้ามแม่น้ำแคว
เราไปถึงกาญจนบุรีก็เที่ยง แล้วก็ยาวไปน้ำตกเอราวัณ ก่อนจะถึงน้ำตกเอราวัณจะมีตลาดเอราวัณอยู่ สามารถซื้อของกินของใช้ที่นี่ได้ครับ เป็นตลาดใหญ่พอสมควรมีของขายเยอะ
ตลาดสดเทศบาลตำบลเอราวัณ
น้ำตกเอราวัณ
น้ำตกเอราวัณนั้นอยู่ในอุทยานแห่งชาติเอราวัณ จะต้องเสียค่าธรรมเนียมคนละ 30 บาท และรถยนต์อีก 50 บาท ค่าธรรมเนียมที่เสียไปนี้ จะเข้าอุทยานไหนก็ได้ครับ ในวันเดียวกัน ไม่เสียเพิ่มอีก ถ้าจัดโปรแกรมดีๆ ผมว่าสามารถไปได้ 2 อุทยานฯ ใน 1 วัน
ใครที่เอารถไป ไม่ต้องห่วงเรื่องที่จอดรถครับ มีที่จอดรถเยอะมาก แต่รถก็เยอะมากด้วย หลังจากจอดรถเสร็จก็ต้องเดินเข้าไปชมน้ำตกอีกประมาณ 700 เมตร ใครที่มีของเยอะ ขนของจะไปปิคนิค เอาไปเท่าที่จำเป็นนะครับ เดินไกลอยู่เหมือนกัน
ทางเข้าน้ำตกร่มรื่น บรรยากาศดีมาก เหมือนอุโมงค์ต้นไม้เลย
น้ำตกเอราวัณจะมีด้วยกัน 7 ชั้น มีชื่อต่างๆ กันไป
น้ำตกชั้นที่ 1 ไหลคืนรัง ระยะทาง 20 เมตร
น้ำตกชั้นที่ 2 วังมัจฉา ระยะทาง 20 เมตร
น้ำตกชั้นที่ 3 ผาน้ำตก ระยะทาง 220 เมตร
น้ำตกชั้นที่ 4 อกนางผีเสื้อ ระยะทาง 520 เมตร
น้ำตกชั้นที่ 5 เบื่อไม่ลง ระยะทาง 1,120 เมตร
น้ำตกชั้นที่ 6 ดงพฤกษา ระยะทาง 1,420 เมตร
น้ำตกชั้นที่ 7 ภูผาเอราวัณ ระยะทาง 1,520 เมตร
ประมาณ 10 นาทีเศษๆ ก็เห็นน้ำตกชั้นแรก ออกจะผิดหวังเล็กน้อยที่น้ำตกสีออกเป็นดินโคลน เข้าใจว่าในหน้าฝนน้ำตกคงพัดพาเอาดินลงมาด้วย แต่อย่างน้อยก็ได้เห็นป่าไม้ ที่เขียวอุดมสมบูรณ์
น้ำตกเอราวัณ ชั้นที่ 1 ชั้นนี้คนมาปิคนิค ปูเสื่อกันค่อนข้างเยอะครับ เนื่องจากทำเลสะดวก ไม่ต้องเดินไกล จริงๆ มีคนเยอะครับ ผมถ่ายรูปมุมที่ไม่ค่อยมีคนมา
เดินไปอีกนิดเดียวไม่เกิน 10 นาทีก็จะถึงชั้นที่ 2 ชั้นนี้คนก็ยังเยอะอยู่
ชั้นนี้มีแอ่งให้เล่นน้ำเยอะ ดูแล้วไม่อันตราย
คนที่มาปิคนิค กินข้าว ส่วนมากจะอยู่ที่ ชั้น 1-2 เท่านั้น ถ้าจะขึ้นชั้น 3 จะมีข้อห้ามนำโฟม นำขวดแก้วเข้าไป จะมีเจ้าหน้าที่คอยตรวจอย่างละเอียด ส่วนหนึ่งก็เป็นการควบคุมขยะ อีกอย่างชั้นที่ 3 มีลิงด้วย ถ้ามีอาหารขึ้นไป น่าจะมีปัญหาเรื่องนักท่องเที่ยวให้อาหารลิง ลิงก็ไม่ยอมหาอาหารเองตามธรรมชาติ มาคอยลักขโมยอาหารนักท่องเที่ยวแทน
ผมเดินต่อไปที่น้ำตกชั้น 3 ครับ น้ำตกและป่าชั้นนี้สวยครับ ที่น้ำตกมีฝูงผีเสื้อสวยๆ บินมาให้เราถ่ายอยู่หลายตัว
เราดูแล้วว่าชั้นถัดไปน้ำก็คงไม่ใส เลยเดินถึงแค่ชั้น 3 ไว้โอกาศหน้าคงต้องมาซ่อมใหม่ ช่วงปลายฝน ต้นหนาว ช่วงนี้น้ำตกน่าจะสวยสุด
เขื่อนศรีนครินทร์
จากน้ำตกเอราวัณเราสามารถไปชมวิวที่สันเขื่อนศรีนครินทร์ได้ อยู่ใกล้ๆ กันครับ ประมาณ 4 กิโลเมตรถ้าไม่ไปก็เสียเที่ยวแย่เลย สิ่งที่น่าสนใจในเขื่อนศรีนครินทร์ก็มี นาฬิกาแดด
วิธีใช้ ก็ดูเงาของแท่งแหลมว่าตกอยู่ในเส้นไหน ต้องดูเส้นให้ถูกเดือนด้วยนะครับ จากนั้นก็ดูในแกน X ว่าเงาตกอยู่ในช่วงเวลาใด ก็จะได้เวลาโดยประมาณมา
แล้วก็ไปกันต่อที่สันเขื่อนศรีนครินทร์ ขับรถขึ้นไปได้ถึงด้านบนเลยครับ
ช่วงนี้ป่าไม้อุดมสมบูรณ์ มองไปทางไหนก็เป็นสีเขียว ดูแล้วสดชื่นดีครับ
มุมมอง 360 องศา มองเห็นวิวได้โดยรอบ
หลังจากรับลมจนเต็มที่แล้วเราก็เข้าเมือง กลับที่พักมนต์เสน่ห์ ริเวอร์แคว คืนนี้เราไปกินข้าวในเมือง อาจจะดูสิ้นคิดไปหน่อยถ้าบอกว่าไปกินข้าวในห้างโลตัส แต่ก็เป็นทางเลือกที่สะดวก มีที่จอดรถ
สุสานสงครามกาญจนบุรี (สุสานทหารสัมพันธมิตร หรือ สุสานดอนรัก)
รุ่งเช้า พอ Check-out จากที่พักเสร็จ เราไปศึกษาประวัติศาสตร์ และไว้อาลัยให้กับผู้เสียชีวิตที่สุสานสงครามกาญจนบุรี สุสานแห่งอยู่อยู่ติดถนนใหญ่ในตัวเมืองกาญจนบุรีเลยครับ สามารถจอดรถที่หน้าสุสานได้เลย ก่อนจะเข้าชมด้านใน อ่านกฏระเบียบก่อนนะครับ
กฏระเบียบ การเข้าเยี่ยมชม
- เข้าเยี่ยมชมด้วยอาการสงบ
- ห้ามเดินข้ามหลุมศพ
- ห้ามส่งเสียงดัง-ห้ามวิ่ง
- ห้ามนำอาหารเครื่องทุกชนิดเข้ามารับประทาน
- ห้ามจัดกิจกรรมทุกประเภท
สุสานแห่งนี้่คือเหล่าเชลยศึกในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง กองทัพญี่ปุ่นได้ใช้แรงงานเชลยศึกสร้างทางรถไฟจากไทยไปพม่า เมื่อเดือนตุลาคม ค.ศ. 1943 การสร้างทางรถไฟนี้ทำให้มีเชลยศึกเสียชีวิตไปประมาณ 15,000 คน และพลเรือนอีก 100,000 คน เนื่องจากโรคภัยไข้เจ็บ การขาดอาหาร และการทารุณกรรม
ผลพวงจากสงครามมีแต่การสูญเสีย ความรุนแรงไม่สามารถแก้ไขปัญหา และความขัดแย้งได้
ภายในนี้จะมีรายชื่อของผู้เสียชีวิต ส่วนมากอายุอยู่ในช่วง 20-30 ปี
ในสุสานบรรยากาศร่มรื่น ปลูกต้นไม้ และดูแลอย่างดีครับ คณะกรรมการสุสานสงครามแห่งเครือจักรภพ (The Commonwealth War Graves Commission) เป็นผู้รับผิดชอบในการดูแลบำรุงรักษาสุสาน
เราใช้เวลาเดินไม่นานก็ไปกันต่อที่สุดท้าย สะพานข้ามแม่น้ำแคว อยู่ห่างไปอีกประมาณ 4 กิโลเมตรครับ
สะพานข้ามแม่น้ำแคว
เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ที่ไม่ควรพลาด สร้างขึ้นเมื่อสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยทหารญี่ปุ่นได้เกณฑ์เชลยศึกฝ่ายพันธมิตร ได้แก่ ทหารอังกฤษ อเมริกัน ออสเตรเลีย ฮอลันดาและนิวซีแลนด์ประมาณ 61,700 คนและกรรมกรชาวจีน ญวน ชวา มลายู ไทย พม่า อินเดียอีกจำนวนมากมาก่อสร้างทางรถไฟสายยุทธศาสตร์เพื่อเป็นเส้นทางผ่านไปสู่ประเทศพม่า
ซึ่งเส้นทางช่วงหนึ่งจะต้องข้ามแม่น้ำแควใหญ่จึงต้องมีการสร้างสะพานขึ้น การสร้างสะพานและทางรถไฟสายนี้เต็มไปด้วยความยากลำบาก ความทารุณของสงครามและโรคภัยตลอดจนการขาดแคลนอาหารทำให้เชลยศึกจำนวนหลายหมื่นคนต้องเสียชีวิตลง
นักท่องเที่ยวสามารถเดินบนรางรถไฟไปชมทัศนียภาพแม่น้ำแควได้ แต่ต้องคอยดูรถไฟหน่อยนะครับ รถไฟจะแล่นมาช้าๆ เราก็เข้าไปหลบในที่ยืนข้างทางรถไฟ
เดินเล่นถ่ายรูปได้สักพัก รถไฟก็มาจริงๆ เป็นรถ fairmong ครับ
ขบวนรถจะเป็นโบกี้เล็กๆ มีเก้าอี้เรียงแถว หน้าต่างเปิดโล่ง
พอรถไฟ (fairmong) จอดปุ๊บพนักงานก็มาขายตั๋วทันที คนก็มามุงกันเพื่อซื้อตั๋วรถไฟเที่ยวนี้ ราคาตั๋ว 20 บาท ผมเองก็อยากลองนั่งเหมือนกัน ก็ไปมุงๆ จนได้ตั๋วมา 2 ใบ 40 บาท
จากนั้นก็ไปจับจองที่นั่ง ตอนนั้นไม่รู้เหมือนกันว่ารถไฟจะพาไปสถานีไหน แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่ารถไฟจะมาส่งกลับที่เดิมหรือเปล่า อารมณ์แบบอยากลองนั่ง เชื่อไหมครับว่าคนทั้งขบวนก็ไม่รู้เหมือนกันว่ารถไฟจะพาไปไหน
ถ้าให้ดูที่ตั๋วก็มีบอกไว้ว่า ต้นทาง : สะพานแควใหญ่, ปลายทาง : เขาปูน แล้วเขาปูน นี่อยู่ที่ไหนกันละ
ไม่นานรถไฟก็ออก ข้ามสะพานแควใหญ่ อย่างช้าๆ พอพ้นสะพานก็เร่งเครื่องอย่างเร็ว โบกี้ก็สั่น เหมือนมันจะหลุด เสียงก็ดังมากครับ คนในขบวนก็ถามกันว่ารถไฟจะพาไปไหน 2 ข้างทางก็เป็นป่าหญ้า ไร่ข้าวโพด
วิ่งไปได้ 5 นาทีก็มาเจอกับถนนไม่มีไม้กั้นรถด้วย รถก็ขับข้ามทางรถไฟกันหน้าตาเฉย คนบนรถไฟก็ขำว่ารถไฟต้องหยุดให้รถวิ่งไปก่อนหรือไง รถไฟจอดนิ่งสักพักแล้วก็เปลี่ยนทิศทางการวิ่งกลับไปทางสะพานข้ามแม่น้ำแคว คนบนรถไฟบางคนถึงกับโวยวาย “เอา 20 บาท กรูคืนมา” ผมเองก็ได้แต่ขำ วิ่งมาเท่านี้เองเหรอ
สรุปแล้วรถไฟก็มาจอดจุดเดิม ตรงที่ขึ้น ใช้เวลาไปกลับ 15 นาทีเท่านั้น
และแล้วทริปกาญจนบุรี 4 สถานที่ น้ำตกเอราวัณ, เขื่อนศรีนคริทร์, สุสานสงครามกาญจนบุรี, สะพานข้ามแม่น้ำแคว ก็จบลงเพียงเท่านี้ ทริปหน้าเจอกันใหม่ สวัสดีครับ
รีวิวได้เยี่ยมเลยครับ รูปก็สวยงาม
ขอบคุณมากครับ ^^