แอ่วเมืองเหนือ เที่ยวพระตำหนักดอยตุง ชมดอกไม้งามสวนแม่ฟ้าหลวง
![]() |
![]() |
ผู้สนับสนุน | ||
![]() |
![]() |
![]() |
ในตอนที่แล้วผมได้พาไปชมความงดงามของวัดร่องขุ่นไปแล้วเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาผมจะพาขึ้นเหนือไปอีกสถานที่ต่อไปคือ พระตำหนักตอยตุง ครับ
จากวัดร่องขุ่นไปดอยตุงไม่ไกลเท่าไหร่ครับ ทางขึ้นดอยตุงเป็นทางลาดยางอย่างดีเลย จากถนนใหญ่ไปพระตำหนักระยะทางประมาณ 17 กิโลเมตร ถนนไม่ชัน ผมไปด้วย vios กับอีก 5 คนก็ขึ้นได้สบายๆ แต่โค้งที่นี่จะเยอะและโค้งพอสมควร ถ้าขับไปช้าๆก็ไปได้สบายครับ
เนื่องจากผมมาในช่วงเทศกาลสงกรานต์คนไม่เยอะเท่าไหร่ครับ นานๆจะเจอรถซักที พอถึงพระตำหนักดอยตุงก็หาที่จอดรถ ด้านบนมีของกินให้เลือกอยู่ 4-5 ร้านได้เป็นพวกก๋วยเตี๋ยว อาหารตามสั่ง ขนมจีน ข้าวซอย ราคาก็ไม่แพงจานละ 30 บาท ส่วนของที่ละลึกดอยตุง(ส่วนมากเป็นชา ขาที่ดอยตุงขึ้นชื่อว่าเป็นชาคุณภาพครับ) ก็มีจำหน่ายตรงนี้เช่นกัน ชาวเขามาขายกันเองเลยก็มี แต่จะมีแต่ชาวเขารุ่นเก่าๆเท่านั้นที่ใส่ชุดประจำเผ่าอยู่ ส่วนชาวเขาสมัยปัจจุบันก็ใส่ชุดธรรมดาแบบเราๆแล้ว ตรงนี้เรียกว่า กาดดอยตุง เกาลัดที่นี่ก็ราคาไม่แพงนะครับ ผมทานข้าวมื้อกลางวันที่นี่แหล่ะครับ
หลังจากเติมพลังงานมื้อกลางวันเสร็จแล้ว เราก็พร้อมที่จะไปเที่ยวกันต่อ
มาถึงแล้วก็ซื้อตั๋วเข้าชมกัน
- ชมสวนแม่ฟ้าหลวง 80 บาท
- ชมพระตำหนักดอยตุง 70 บาท
- ชม 2 ที่ (ประหยัดกว่าซื้อแยก) 130 บาท
ทั้งสองที่เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 6.30-17.00 น. พระตำหนักปิดทำความสะอาดในช่วง 12.00-12.30 น
ได้ตั๋วครบแล้ว ผมซื้อแบบชม 2 ที่มาทั้ง 5 ใบเลยครับ ขอแนะนำหน่อยว่าก่อนซื้อลองดูว่าจะไปได้ทั้งสองที่หรือไม่เพราะสถานที่ค่อนข้างกว้างครับ ผมซื้อมา 5 ใบไป 2 ที่สองคนเอง แอบเสียดายเล็กน้อยครับ
การเข้าชมพระตำหนักจะต้องแต่งกายสุภาพกางเกงขาสั้นเข้าไม่ได้นะครับ เค้าจะมีกางเกงแบบใช้เชือกผูกเอวให้ยืมสวมอีกที ฉะนั้นเตรียมตัวไปให้พร้อมเลยจะดีกว่าครับ
สัญลักษณ์พระตำหนักดอยตุงครับ ทำจากไม้ตุง
ดอกไม้เมืองหนาวบานแข่งกันที่พระตำหนักดอยตุง แม้ว่าเป็นหน้าร้อนก็ยังสวย
เอาละมาชมพระตำหนักดอยตุงกันก่อนดีกว่า ทางเข้าพระตำหนักจะเดินไกลนิดหน่อยครับเดินไปชมดอกไม้ไปเดี๋ยวก็ถึง ถึงแม้ว่าตอนนี้จะเป็นช่วงหน้าร้อนแต่อากาศไม่ร้อนเลย ออกจะเย็นชื้นๆ คิดว่าคงเย็นตลอดปี อากาศเย็นจริงหรือไม่จริงดูได้จากต้นสนครับถ้าต้นสนอยู่ได้แสดงว่าหนาวจริง บริเวณข้างทางยังคงเป็นป่านะครับมีต้นไม้ปกคลุมอย่างหนาแน่น
ก่อนที่จะถึงพระตำหนักจะเห็นสวนดอกไม้ด้านหน้านานาพันธุ์หลายหลายสี ดอกไม้พวกนี้เป็นดอกไม้เมืองหนาวแท้เลยครับ บางต้นผมก็ไม่เคยเห็นมาก่อนเลย
ด้านหน้าพระตำหนัก ที่มุมหลังคาคือกาแลสถาปัตยกรรมแบบล้านนา มีการแกะสลักเป็นลวดลายต่างๆ โดยฝีมือช่างชาวเหนือ
ดูกันชัดๆอีกมุมด้านหน้า
ไกด์นักศึกษาที่พาเราชมด้านในพระตำหนัก ให้ข้อมูลพระตำหนักได้ละเอียดดีครับ
ในการเข้าไปชมด้านในพระตำหนักจะเช้าชมเป็นรอบๆครับ รอบละ 20 นาที ตอนที่ผมไปก็รอรอบอยู่ 3 นาที เมื่อถึงเวลาแล้วก็จะประกาศให้เข้าชม มีไกด์นักศึกษาสาวคอยบรรยายให้ความรู้ ก่อนเข้าชมพระตำหนักจะต้องถอดรองเท้าใส่ถุงแล้วหิ้วถุงที่มีรองเท้าเข้าไปในพระตำหนักด้วย ข้างในพระตำหนักก็ไม่ให้ถ่ายรูปอีกเช่นกัน
ข้างในพระตำหนักจะตกแต่งด้วยไม้ ไกด์สาวบอกกับเราว่าพระตำหนักดอยตุงเป็นสถาปัตยกรรมที่ผสมผสานระหว่างล้านนากับชาเล่ย์ของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ส่วนไม้ที่ตกแต่งภายในนั้นเป็นไม้ใส่สินค้าจากการท่าเรือ คลองเตย สวยงามและปรานีตมากครับ ในห้องโถงเมื่อมองขึ้นไปบนเพดานจะประดับหลอดไฟเสมือนระบบสุริยะจักรวาล มีการทำรูปแทนกลุ่มดาวต่างๆ ตรงห้องโถงเมื่อออกไปที่ระเบียงจะเห็นวิวภูเขาเป็นแนวซ้อนกันสวยงาม เห็นสวยๆแบบนี้เชื่อไหมว่าพระตำหนักดอยตุงใช้เวลาสร้างอยู่ 9 เดือน
ไกด์สาวให้ถ่ายรูปในมุมมองจากระเบียงไปยังข้างนอกได้ ดอกสีแดงในรูปอยู่ที่ระเบียงพระตำหนักครับ เห็นป่าเขียวๆที่อุดมสมบูรณ์เชื่อไหมครับว่าในอดีตแถวนี้เคยเป็นภูเขาหัวโล้นมาก่อน
เดินจากระเบียงออกไปจะเห็นห้องบรรทมของสมเด็จย่าอยู่ทางซ้ายมือตกแต่งแบบเรียบง่าย และเห็นผ้าปักฝีพระหัตถ์ผืนสุดท้ายที่ปักไม่เสร็จก่อนที่ท่านจะสวรรคต ไม่สามารถถ่ายรูปมาให้ดูได้เช่นกัน จากนั้นก็วนออกไปยังสวนด้านหน้าพระตำหนักต่อ
ออกจากพระตำหนักเสร็จก็ต่อด้วย สวนแม่ฟ้าหลวง ผ่านร้านกาแฟดอยตุง บรรยากาศดีมากถ้าไม่รีบไปไหนแนะนำว่าลองจิบกาแฟพักกันให้หายเหนื่อยก่อนแล้วค่อยไปต่อ ผมแว๊บเค้าไปอ่านราคากาแฟสด ราคาแก้วละ 70 บาท ไว้ใครได้ไปชิมกาแฟที่นี่ comment มากันหน่อยว่ารสชาติเป็นอย่างไรบ้าง
สวนแม่ฟ้าหลวงกลุ่มเราเข้าไปชมกัน 2 คนครับ น้าๆเค้าเหนื่อยกัน เสียดายแทนจริงๆที่ไม่ได้ชมความงามของสวน สวนแม่ฟ้าหลวงจะผสมผสานระหว่างป่าธรรมชาติและสวนที่สร้างขึ้น หลังจากเดินเข้าไปต้องบอกว่าใหญ่กว่าที่คิดแฮะคล้ายๆกับ Botanic Garden ที่สิงคโปร์เลย กว้างแบบนี้น่าจะมีแผนที่แจกซักหน่อย
สวนแม่ฟ้าหลวง ที่เห็นนั้นแต่ก่อนเป็นพื้นที่ของหมู่บ้านอาข่าป่ากล้วย อาศัยอยู่ 62 ครอบครัว ในอดีตเป็นเส้นทางยาเสพติด และอาวุธสงคราม ด้วยทำเลที่เป็นหุบลึกลงไปทำให้ 62 ครอบครัวอาข่า ต้องอยู่กันอย่างแออัดและมีปัญหาทางด้านความสะอาด น้ำเสีย ทางโครงการพัฒนาดอยตุงจึงได้ขอให้หมู่บ้านบ้านออกไปอีก 500 เมตรซึ่งเป็นทำเลที่ดีกว่า อยู่บนเนินเขา มีน้ำ ไฟฟ้า และถนนตัดผ่าน ส่วนหมู่บ้านเดิมก็พัฒนาเป็นสวนไม้ดอกไม้ประดับเมืองหนาว บนเนื้อที่กว่า 30 ไร่ (เรียบเรียงข้อมูลจาก www.doitung.org/tourism_attraction.php) ดอกที่ปลูกในสวนแม่ฟ้าหลวงเช่น ดอกซัลเวีย พิทูเนีย บีโกเนีย กุหลาบ ดอกลำโพง และไม้มงคลพันธุ์ต่างๆ
ทางเดินในสวนแม่ฟ้าหลวง ร่มรื่นครับ
เจอกับป้ายแรก สวนไม้มงคล สวนไม้ดอกในร่ม สวนไม้ดอกเมืองหนาว สวนหิน ทุกที่ตรงไปหมด
โรงเพาะเชื้อกล้วยไม้
เรือนนี้เน้นไปทางพันธุ์ไม้ตระกูลเฟิร์น
อันนี้เป็นแพแล้วเอาต้นไม้มาปลูกบนแพ
ต้นหงอนไก่พันธุ์จากต่างประเทศ
น้ำตกเล็กๆสร้างความชุ่มชื้นในสวนแม่ฟ้าหลวง
มากันที่ Hi light ของสวนแม่ฟ้าหลวงกับรูปปั้นที่สมเด็จย่าทรงพระราชทานชื่อว่า ความต่อเนื่อง (Continuity) รูปปั้นนี้เป็นผลงานของนางมิเซียม ยิบอินซอย สื่อถึงการกระทำใดๆ จะสำเร็จได้ต้องทำอย่างต่อเนื่อง
สวนที่มีรูปปั้นความต่อเนื่อง คนชอบมาถ่ายรูปที่นี่กัน
ดอกไม้เมืองหนาวสีม่วง ใครทราบบ้างครับว่าดอกอะไร
ปิดท้ายด้วยดอกไม้สวยๆที่ สวนแม่ฟ้าหลวง จริงๆแล้วยังมีหอพระราชประวัติสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีที่เราไม่ได้ไป? ในหอพระราชประวัติฯนี้จัดแสดงพระราชประวัติสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี แต่เสียดายไม่เปิดให้เข้าชมเนื่องจากปิดปรับปรุง
ผมขอปิดทริปบน พระตำหนักดอยตุง สวนแม่ฟ้าหลวงไว้เท่านี้ก่อนนะครับ เดี๋ยวผมจะพาไปที่ แม่สาย ต่อในตอนต่อไป
ท่านโฟค เก็บ content ได้เยอะแฮะไปแอ่วเมืองเหนือคราวนี้